ถ้าหากคุณอยากได้เมล็ดกาแฟมาชงกินเองสักถุง แล้วลองเปิด Google ค้นคำว่า “ซื้อเมล็ดกาแฟ” รับรองได้ว่าคุณจะมึนงงสับสนกับตัวเลือกที่มีขึ้นมาให้คุณเลือกมากเป็นร้อยๆ แบบ คราวนี้ก็มาถึงคำถามโลกแตกที่ในเมื่อมันมีตัวเลือกให้เยอะเหลือเกิน แล้ว ”เมล็ดกาแฟอันไหนดี ของที่ไหนจะอร่อย” (แล้วแน่นอนว่าคนขายทุกคนก็ย่อมต้องบอกว่าของเค้าดีใช่มั้ยหละครับ ซึ่งก็ไม่เว้นแอดมินที่ชอบพูดว่ากาแฟยี่ห้อ Coffee Press อร่อยครับ 555) คราวนี้จะเลือกซื้อเมล็ดกาแฟอย่างไรกันดีละครับให้ตรงใจ วันนี้แอดมินจึงได้รวบรวมข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการซื้อเมล็ดกาแฟให้ตรงใจเวลาที่ท่านเลือกซื้อเมล็ดกาแฟนั่นเองครับ
เลือกเมล็ดกาแฟให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง
สิ่งแรกที่จะต้องรู้ในการเลือกเมล็ดให้ตรงกับความชอบของตัวเองคือ เราต้องรู้ตัวเราเองก่อนนะครับ ว่าเราเป็นคนชอบดื่มกาแฟแบบไหน หรือเราต้องการรสชาติประมาณไหนจากเมล็ดกาแฟ ซึ่งในเรื่องความชอบส่วนตัวจะมีสิ่งที่จะต้องรู้เป็นพื้นฐานในการชิมเพื่อสามารถบรรยายลักษณะความชอบได้นะครับคือ:
Aroma/ Fragrance:
กลิ่นของกาแฟนั่นเองครับ ซึ่งกลิ่นพวกนี้เป็นกลิ่นที่กาแฟเวลาดื่มจะมีลักษณะคล้ายกลิ่นนั้นๆ นะครับ (จะไม่ได้เหมือนแบบเป๊ะสักทีเดียว) อาทิเช่น กลิ่น ช็อกโกแลต, ถั่ว, วานิลา, ดอกไม้, ผลไม้, เบอร์รี่ นั่นเองครับ
Acidity:
ระดับความเปรี้ยวของกาแฟ ซึ่งจะมีลักษณะทำให้สดชื่น ยิ่ง Acidity สูง ยิ่งมีความเปรี้ยวมากครับ
Flavor:
รสชาติของกาแฟ ความหวาน, ความเปรี้ยว, ความเค็ม, ความขม ซึ่งถ้าคนที่ฝึกชิมจะแยกรายละเอียดได้อีกมาครับ เช่น ความเปรี้ยวคล้ายมะนาว, ความหวานละเอียดอ่อน, ความขมแบบเคมี, ฯลฯ
Body:
ความหนาแน่นหรือมวลของเครื่องดื่มนั้นเองครับ ลองนึกภาพถึงนมกับน้ำเปล่านะครับ ความหนาแน่นก็ไม่เท่ากันจริงมั้ยครับ ความหนาแน่นระดับนมสดอาจจะเรียกได้ว่า Body สูง (Full Body) และความหนาแน่นของน้ำเปล่าอยู่ในระดับน้อยกว่า หรืออาจเรียกว่า Light Body นั่นเองครับ
After Taste:
คือกลิ่นที่ติดอยู่ในลำคอหลังจากที่เราดื่มกาแฟเข้าไปครับ อาจจะมี After Taste ที่พึงประสงค์ยาวนาน (ลองจับเวลากันเล่นๆ ดูก็ได้นะครับ ว่ากลิ่นกาแฟอยู่ในคอนานขนาดไหน ซึ่งกาแฟคนละแบบกลิ่นและความยาวที่ค้างในคอก็ต่างกันครับ)
Balance:
คือความสมดุลย์ของรสชาติ ลองนึกภาพถึงตอนไปสั่งก๋วยเตี๋ยวนะครับ ถ้าหากชิมแล้วบอกว่าพอดีเลย ไม่ต้องปรุงเลย นั่นแหละครับตัวอย่างของความ Balance
เมื่อเรารู้ความต้องการของตนเองว่าครั้งนี้เราต้องการซื้อเมล็ดกาแฟลักษณะแบบไหน และสามารถสื่อสารออกไปได้ อาทิเช่น “รบกวนช่วยแนะนำกาแฟที่รสชาติไม่ต้องเปรี้ยวมาก Body กลางๆ ขอเป็นโทนช็อกโกแลตสูงๆ เอาไปชงแบบเอสเพรสโซ่” ผู้ขายก็สามารถที่จะแนะนำเมล็ดกาแฟที่น่าจะตรงกับความต้องการของเราได้ในระดับหนึ่งแล้วครับ
วิธีที่ใช้ในการชงกาแฟ
มากไปกว่านั้น วิธีการชงกาแฟก็มีความสำคัญเช่นกันครับ ถ้าหากเป็นการชงที่ใช้แรงดันช่วยอาทิ Espresso มักจะนิยมใช้กาแฟคั่วกลางถึงเข้ม ส่วนกาแฟ Slow Bar พวกดริป หรือ syphon ก็มักจะใช้กาแฟคั่วอ่อนครับ แต่อันนี้เป็นเพียง Guideline นะครับ หลายคนใช้กาแฟคั่วอ่อนมาทำ Espresso ก็เยอะครับ แต่อาจจะเจอความเปรี้ยวเยอะหน่อย และ Body น้อยไปหน่อย (แต่ถ้าชอบก็ถือว่าจบครับ ^^)
ระดับการคั่วเมล็ดกาแฟส่งผลต่อรสชาติมากที่สุด
ระดับการคั่วกาแฟนี้จะเปลี่ยนบุคลิกรสชาติของกาแฟไปเลยนะครับ โดยระดับการคั่วอาจจะแบ่งได้คร่าวๆ เป็นคั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วเข้ม (แต่จะสามารถลงรายละเอียดได้ลึกอีกมากนะครับ ถ้าหากสนใจสามารถกดอ่านที่บทความ ระดับการคั่วกาแฟ คั่วเข้ม คั่วกลาง คั่วอ่อน ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงกับรสชาติกาแฟ)
โดยหลักการทั่วไปแล้ว กาแฟตอนที่ยังไม่คั่วนั้นจะเรียกว่าเมล็ดสารหรือเมล็ดเขียวซึ่งมีสารเคมีหลากหลายและแป้งเป็นส่วนประกอบ พอเริ่มนำไปคั่วหรือให้ความร้อน ส่วนประกอบในเมล็ดกาแฟแป้งและโปรตีนเกิดปฏิกิริยา Caramelization หรือเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลนั่นเองครับ ฉะนั้นเมล็ดคั่วอ่อนจะได้รสชาติที่มีความเป็นธรรมชาติและมีความเปรี้ยวสูง คั่วกลางจะได้ความ Balance ของรสชาติทั้งความเปรี้ยวและความหวาน ส่วนคั่วเข้มก็จะได้ความหวานสูงที่สุด แต่ถ้านานไปจะเริ่มมีกลิ่นไหม้ขึ้นมาแทนได้ครับ
สายพันธุ์ของกาแฟ
สำหรับสายพันธุ์ของกาแฟถ้าจะลงกันให้ลึกก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความยุ่งยากมากทีเดียวนะครับ แต่ถ้าเราเอาแบบกว้างๆ หน่อยสายพันธุ์หลักของกาแฟจะแบ่งเป็น 2 สายพันธุ์ครับ นั่นคือ โรบัสต้า กับ อราบิก้านั่นเอง โดยเมล็ดสองสายพันธุ์นี้มีรสชาติที่ต่างกันมากนะครับ โดยที่
โรบัสต้า (Robusta)
มีลักษณะที่มีความเข้มสูง มีคาเฟอีนที่สูงกว่าอราบิก้ามาก จึงทำให้มีรสชาติที่ขมกว่า สามารถปลูกได้ง่ายในพื้นที่ระดับใกล้น้ำทะเล (ความสูงไม่มาก) และลักษณะของรสชาติทำให้มีราคาถูกกว่าอราบิก้า มักนำไปทำเป็นกาแฟสำเร็จรูป หรือนำไปผสมในกาแฟสดเพื่อให้มีความเข้มมากขึ้น
อราบิก้า (Arabica)
มีลักษณะที่มี Acidity สูง ทำให้มีความเปรี้ยวที่มากกว่า มีปริมาณคาเฟอีนที่ต่ำกว่าโรบัสต้ามาก มีกลิ่นหอมที่ซับซ้อน สามารถเติบโตได้ในอากาศที่ไม่ร้อนเกินไป บนพื้นที่สูง สายพันธุ์อราบิก้าจึงมักปลูกบนที่สูง และยิ่งสูงก็ดูเหมือนจะยิ่งมีผลต่อลักษณะของรสชาติอีกด้วย โดยจะกล่าวในหัวข้อต่อไปครับ สายพันธุ์ย่อยที่อาจเคยได้ยินชื่ออาทิเช่น Bourbon, Typica, Geisha, Yirgacheff ก็ล้วนเป็นสายพันธุ์ย่อยของ Arabica ครับ
แหล่งปลูกเมล็ดกาแฟต่างกัน (คนละพื้นที่) มีเอกลักษณ์รสชาติที่ต่างกัน
แหล่งปลูกเมล็ดกาแฟที่ต่างกันก็ให้บุคลิกรสชาติของกาแฟที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันนะครับ โดยจะมีปัจจัยที่ทำให้รสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่จะขึ้นอยู่กับ สภาพดินฟ้าอากาศ, ความสูง, และคุณภาพของดิน ล้วนเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องและทำให้กาแฟจากแต่ละแหล่งปลูกมีรสชาติที่เป็นของตัวเองนั่นเองครับ โดยเคยมีคนลองวาดพื้นที่แหล่งปลูกกาแฟของโลกแล้วมาดูในแผนที่ก็พบเรื่องประหลาดใจที่ว่าประเทศที่สามารถปลูกแหล่งกาแฟได้ตั้งอยู่ในระนาบเดียวกันทั้งหมด จึงเรียกแผนที่นี้ว่าเป็น Coffee Belts (ตามรูปภาพด้านล่างครับ) โดยกลุ่มประเทศในระนาบ Coffee Belt นั้น ถือว่ามีอากาศที่เหมาะสมคืออยู่ระหว่าง 15-30 องศา มีจำนวนฝนเพียงพอ และมีส่วนภูมิประเทศที่ตั้งอยู่ระดับเหนือน้ำทะเลค่อนข้างมากนะครับ ซึ่งจะประกอบไปด้วยประเทศในกลุ่มทวีปแอฟริกา, ประเทศในภูมิภาคอเมริกากลาง, และเอเชีย นั่นเองครับ
รสชาติกาแฟในกลุ่มประเทศ แอฟริกา (Africa)
ประเทศผู้ผลิตที่ขึ้นชื่อได้แก่เอธิโอเปีย (Ethiopia), เคนย่า (Kenya), แทนซาเนีย (Tanzania), รวันด้า (Rwanda) มักจะมีจุดเด่นในเรื่องของความ Fruity มีกลี่นคล้ายผลเบอร์รี่ต่างๆ อาทิบลูเบอรี่หรือสตรอเบอรี่ และมีกลิ่นความเป็น Floral ที่เด่นชัด และมีความเปรี้ยวหรือ acidity ที่สูงครับ
รสชาติกาแฟในกลุ่มประเทศ อเมริกากลาง (Central America)
เมล็ดกาแฟที่ขึ้นชื่อก็ได้แก่ประเทศปานามา (Panama), บราซิล (Brazil), โคลัมเบีย (Columbia), คอสตาริก้า (Costa Rica), กัวเตมาลา (Guatemala) ฯลฯ กาแฟจากประเทศในกลุ่มนี้มักจะมีความหลากหลายในรสชาติแต่มักจะเจอสิ่งที่คล้ายกันคือ ความเป็นช็อกโกแลต, น้ำตาลทรายแดง, ถั่ว มีความ Balance ระหว่าง Acidity และ Sweetness สูง และมีบอดี้กลางๆ ครับ
รสชาติกาแฟในกลุ่มประเทศ เอเชีย (Asia)
หลายประเทศในเอเชียเช่น อินโดนีเซีย, จีน, ลาว, พม่า, เวียดนาม และประเทศไทยของเราก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้และถือว่าเมล็ดกาแฟของเราก็มาแรงทีเดียวในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานะครับ สำหรับกาแฟจากภูมิภาคนี้ก็มักจะมี Body ที่ค่อนข้างแน่น มีความเป็นดาร์กช็อกโกแลต และมีกลิ่นของความ Earthy และ smoky ครับ
ด้านบนเป็นเพียงลักษณะโดยสังเขปเพื่อเป็น Guideline คร่าวๆ นะครับ เพราะเมล็ดกาแฟแต่ละตัวถึงมาจากแหล่งเดียวกัน แต่มีอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้เมล็ดนั้นๆ มีคุณลักษณะเฉพาะตัวของเค้ากันอยู่แล้วครับ
วิธีการโพรเสส สิ่งกำหนดบุคลิกของเมล็ดกาแฟ
ต่อไปเป็นเรื่องของการโพรเสสกาแฟนะครับ ซึ่งก็ส่งผลอย่างมากต่อรสชาติกาแฟครับ การโพรเสสนั้นคือการที่เราเก็บผลเมล็ดกาแฟออกมาจากต้นแล้วเรามาทำการเตรียมกาแฟให้พร้อมสำหรับการคั่วนั่นเองครับ โดยดั้งเดิมมักจะมีวิธีการโพรเสสอยู่สามประเภทคือ แบบ Natural (Dry) Process, Wash Process, และ Honey Process นั่นเองครับ (สามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการ Process เพิ่มเติมได้ที่ คลิก ) โดยแต่ละการโพรเสสก็จะให้รสชาติที่ต่างกันนะครับ คือ:
Dry Process: เกิดจากการที่นำเมล็ดกาแฟมาตากแห้งทั้งผล ทำให้ตัวเมล็ดกาแฟดูดซับความหวาน ความเปรี้ยวได้มาก และจากการที่ตากแดดโดยตรงทำให้มีกลิ่นการหมักเกิดขึ้นครับ (Fermentation)
Wash Process: นำผลกาแฟที่ได้มากระเทาะ เปลือกและเนื้อออกจนหมด แล้วนำเมล็ด (ที่ยังมีเมือกติด) มาแช่น้ำให้เมือกออก นำมาสี ล้าง และผึ่งแดดจนเมล็ดเหลือความชื้นตามต้องการ วิธีการนี้จะให้เมล็ดมีรสชาติความสะอาดสูง
Natural Process: หรือเรียกว่า Semi-Wash นะครับ วิธีการคร่าวๆ คือคล้ายกับ Wash Process ครับ แต่จะไม่สีเมือกออกและนำไปตากแดดทั้งแบบนั้นครับ วิธีนี้จะได้ข้อดีของทั้งสองแบบข้างบนนะครับ คือมีความสะอาดและยังเก็บรสชาติธรรมชาติของเมล็ดนั้นๆ ได้สูงครับ
นอกจากนั้นทุกวันนี้ยังมีขั้นตอนการ Process กาแฟใหม่ๆ ออกมาอีกมากเลยครับ ทั้ง Anaerobic, Double Anaerobic, Yeast Process, Infused Flavor ซึ่งก็ล้วนทำให้เกิดรสชาติใหม่ๆ ขยายความเป็นไปได้ของรสชาติกาแฟครับ
บทสรุปการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับวิธีการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟ ตามฉบับแอดมินของ Coffee Press คราวหน้าถ้าหากไปเลือกซื้อเมล็ดกาแฟก็ลองใช้ Guideline นี้ในการซื้อดูนะครับ ด้วยหลักการง่ายๆ เท่านี้คุณก็สามารถเลือกเมล็ดกาแฟได้ตรงตามใจคุณอย่างมืออาชีพได้แล้วครับ ถ้าเพื่อนๆ มีคำถามหรือข้อคิดเห็นอย่างไร สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันได้เลยครับ
เมล็ดกาแฟจาก Coffee Press
สุดท้ายนี้ถ้าหากอยากลองเมล็ดกาแฟจาก Coffee Press โดยเป็นเมล็ด 100% อราบิก้า จากแหล่งปลูกดอยช้าง จังหวัดเชียงราย ปลอดภัยไร้ยาฆ่าแมลง มีด้วยกันสามเบลนด์ได้แก่ Classic, Premium, และ Jai Hug Blend ก็สามารถดูรายละเอียดด้านล่างนี้หรือแอดไลน์ทักมาหาแอดมินได้เลยครับ ^^
เมล็ดกาแฟ Classic Blend
เมล็ดกาแฟ overall blend ที่ควรมีไว้ติดบ้าน เหมาะสำหรับทั้งเมนูกาแฟดำหรือกาแฟนม ทั้งร้อนหรือเย็น ให้รสชาติที่หนักแน่นแต่ยังคงมีความบาลานซ์ที่ดี
Process: Wash Process
Roast Level: Dark Roast
Taste Note: Chocolate, Earthy, Nut
เมล็ดกาแฟ Premium Blend
เมล็ดกาแฟคัดไซส์เกรด AA ดูแลควบคุมตั้งแต่การคัดเลือกการเก็บกาแฟที่สุกฉ่ำ เลือกผลขนาดใหญ่ คั่วอย่างพิถีพิถัน ให้คุณได้รับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟดอยช้างได้อย่างดีที่สุด
Process: Wash Process
Roast Level: Medium to Dark Roast
Taste Note: Chocolate, Earthy, Nut
เมล็ดกาแฟ Jai Hug Blend
สูตรที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟจากแหล่งดอยช้าง แล้วเพิ่มความซับซ้อนในรสชาติ ด้วยการเบลนด์โพรเสสที่หลากหลาย ให้รสชาติที่มีบาลานซ์ที่ดี มีความซับซ้อนในรสชาติ มีความเปรี้ยวเล็กน้อยจากผลเบอร์รี่สุก และมี after taste ที่ดี
Process: Blend with 30% Wash, 30% Honey, and 40% Natural Process
Roast Level: Medium to Dark Roast
Taste Note: Chocolate, Nut